top of page
oppame ศัลยกรรมเกาหลี (1) (1).png
Search
Writer's pictureOppa Me Academy

ผิวหย่อนคล้อย หน้าเหี่ยว ยกกระชับแบบไหนดีที่สุด

ผิวหน้าหย่อนคล้อย หน้าเหี่ยว ยกกระชับแบบไหนดีที่สุด ซีนเชื่อว่าใครๆก็อยากมีใบหน้าที่ดูเด็กอยู่ตลอดอยู่แล้วใช่ไหมค่ะ ไม่อยากมีใบหน้าแก่ก่อนวัยกันหลอก แต่เนื่องด้วยปัจจัยต่างๆในปัจุบันที่เราก็หลีกเลี่ยงได้อยากเหลือเกิน บางครั้งที่เราบอกว่าเราดูแลตัวเองดีแล้ว ก็ยังไม่พออยู่ดี นอนก่อน 4 ทุ่ม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ มีจิตใจที่ร่าเริ่ง คงเป็นไปไม่ได้เลยใช่ไหมค่ะ

เนื่องจากสังคมในปัจจุบัน ความเคลียดทำให้เกิดขึ้นมากมาย นอนดึก ก็ส่งผลกับปัญหาต่างๆมากมายเช่นกัน  ดังนั้นคนเราจึงมักใช้ทางลัดไปเลย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วทันใจ คือการ ศัลยกรรม นั่นเอง ก็ไม่ผิดค่ะ เนื่องจากปัจจุบันนี้ ไม่ใช่มีผู้สูงวัยเท่านั้นที่เข้ารับการผ่าตัด ยกกระชับ หรือ ศัลยกรรมย้อนวัย เพียงเท่านั้น แต่ทุกวันนี้ หลายๆคน อยากมีใบหน้าที่เด็กกว่าวัยที่เป็นอยู่ ก็มีค่ะ  ศัลยกรรมยกกระชับ มีหลากหลายวิธีมากๆค่ะ เพื่อแก้ปัญหาตามสภาพผิวและอาการของแต่ละบุคคล

ซึ่งปัจจุบันการแก้ปัญหาเหล่านี้ก็มี วิธีออกมาเยอะมาก ตามที่ซีนบอกไป ตั้งแต่การทำเลเซอร์ การร้อยไหม ซึ่งทุกคนก็อยากได้วิธีที่ง่ายรวดเร็ว แต่ทุกคนรู้ไหมว่าง่ายๆ สบายๆ รวดเร็ว บางครั้งเสียหาย หรือเสียดายเงินก็มีเยอะมากๆเช่นกัน จ่ายตังค์ไปก็เยอะแต่ไม่เห็นผล 

วันนี้ซีนจะพาทุกคนมาดูวิธีการยกกระชับที่คุณหมอเกาหลีใช้นิยมในการทำศัลยกรรมยกกระชับ ที่ได้ผลดี และปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย มาฝากกันค่ะ ลองดูว่าแต่ละคนมีปัญหาแบบไหน และวิธีไหนเหมาะสมกับเรา

ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ใบหน้าของเราดูหย่อนคล้อย

  1. อายุ ตัวนี้ทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้ว เมื่อเรามีอายุที่มากขึ้นผิวจะเกิดริ้วรอยได้ง่าย ผิวไม่ชุ่มชื่น เพราะร่ายกายของเราผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ทำให้ผลิตน้ำและไขมันใต้ผิวหนังได้น้อยลงด้วย ไขมันใต้ผิวหนังที่เคยจัดเรียงกันเป็นระเบียบก็เริ่มสลายไปบ้างบางจุด กระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบแน่นเหมือนก่อน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผิวเหี่ยว หย่อนคล้อยนั่นเองค่ะ

  2. ความเคลียด ส่งผลให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานไม่ปกติ ร่างกายของเราจะผลิตฮอร์โมนเอสโตเจนน้อยลง ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีส่วนช่วยให้ผิวเต่งตึง เรียบเนียน และชั้นผิวหนังของเราที่มีระบบทำหน้าที่ควบคุมความชื้นของเซลล์ผิว ที่ผลิตสารเคลือบผิวและขับของเสีย ทำงานบกพร่องไปด้วย ทำให้ผิวของเราเสื่องโทรม และเกิดริ้วร้อยได้ง่าย หย่อนคล้อยในที่สุด

  3. การนอนดึก นอนไม่เพียงพอ สิ่งนี้คงเป็นสิ่งที่หลายๆคนไม่น่าจะทำได้ใช่ไหมค่ะ ซีนก็ทำไม่ได้เหมือนกันค่ะ การนอน ที่เค้าบอกว่าควรนอนก่อน 4 ทุ่ม และการนอนที่เพียงพอคือ 8 ชั่วโมง เพราะร่างกายของเราจะหลั่ง โกรทฮอร์โมน (Growth hormone) ในช่วงที่เรานอนหลับ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ ซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ และไปสร้างสมดุลระบบการเผาผลาญอาหาร ซึ่งถ้าเราขาดสารนี้มากๆจะทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยและเกิดการอักเสบได้ง่าย

  4. การสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอลมากเกินไป จะไปทำลายคอลลาเจน ส่งผลให้ผิวเหี่ยวง่ายค่ะ ก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ส่วนบุหรี่ประกอบไปด้วยสารอันตรายต่อร่างกายหลายชนิด นอกจากจะทำร้ายสุขภาพแล้ว ยังไปทำลายการสร้างอนุมูลอิสระในการทำงานของชั้นผิวด้วย

  5. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ในช่วงที่เราเป็นเด็ก ร่างกายของเราจะผลิต Growth Hormone พอเราโตขึ้นก้าวเข้าสู้วัยรุ่นร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเอสโตเจน ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้ทำให้ผิวของเราดูเต่งตึง แต่เมื่อเข้าสู่สูงวัยร่างกายของเราก็จะผลิตฮอร์โมนเหล่านี้ได้น้อยลง ทำให้ผิวหย่อนคล้อย และมีริ้วรอยเกิดขึ้นได้

      6. รังสี UV แสงแดด รังสีที่สามารถทะลุผ่านเข้าสู่ผิวเราได้ จะไปกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ ไปทำลายเซลล์ผิวหนัง และเข้าไปทำลายชั้นของเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น และเกิดความหย่อนคล้อย ดังนั้นควรทาครีมกันแดดนะจร้าสาวๆ

ซีนขอแบ่งระดับความหย่อนคล้อยออกเป็น 3 ระดับ ง่ายๆแบบนี้นะค่ะ


  1. ความหย่อนคล้อยระดับเริ่มต้น ไม่เยอะ ก็จะเป็นวัยรุ่น หนุ่มสาวต้นๆ เราอาจรู้สึกว่าใบหน้าของเราดูหย่อนคล้อย สังเกตุว่ามีร่องแก้ม ใบหน้าดูไม่เรียว มีเหนียง หน้าดูกลม การที่มีใบหน้าที่ดูใหญ่บางครั้งอาจจะไม่ได้เกิดจากโครงสร้างของกระดูกที่ใหญ่เสมอไป อาจจะเกิดจากปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้เหมือนกัน เลยทำให้หน้าดูกลม

  2. ความหย่อนคล้อยระดับกลาง เกิดจากคนอายุประมาณ 30 ขึ้นไปแล้วกันค่ะ คนที่มีไขมันบนใบหน้าเยอะ หรือเคยทำโครงหน้ามาก่อน สังเกตุว่าจะมีร่องแก้มที่ดูลึกชัดเจน ส่วนคนที่เคยทำโครงหน้ามาก่อน เมื่อกระดูกเราเล็กลง ก่อนหน้าผิวหนังกล้ามเนื้อของเราก็ยึดติดกับกระดูกใช่ไหมค่ะ แล้วคุณหมอเหลาตัดกระดูกเราออกไป ผิวกล้ามเนื้อเก่าบริเวณนั้นเค้าไม่มีอะไรไปยึดติด ก็ทำให้ห้อยย้อยได้

  3. ความหย่อนคล้อยมาก อันนี้ก็จะเป็นผู้สูงวัยค่ะ ทุกคน เนื่องจากวัยที่เพิ่มมากขึ้น และถ้าเราไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองด้วย ก็จะทำให้มีผิวหย่อนคล้อย ริ้วร้อย ผิวเหี่ยว ที่เยอะ ไม่มีไขมันทำให้ใบหน้าดูผอมตอบ ดูใบหน้าเสื่อมโทรม

วิธีการยกกระชับใบหน้าที่ได้ผลดี แบ่งออกด้วยกัน 3 วิธี

  1. การยกกระชับด้วยการทำเลเซอร์ (Laser)

HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) : เป็นพลังงานของคลื่นเสียงความเข้มข้นสูง ที่ส่งพลังงานลงไปในชั้นผิวของเราอย่างสม่ำเสมอ ลงไปลึกถึงชั้น SMAS เพื่อไปกระตุ้นให้เกิดการหดตัว ส่งผลทำให้ผิวของเรากระชับ


Thermage : คือการใช้ Radio Frequency ที่ถูกเปลี่ยนพลังงานความร้อน เข้าไปกระตุ้นให้เกิดการหดตัวของเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสติน ที่เกาะกันอยู่ในชั้นผิวหนังของเรา และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และยังลงลึกไปยังชั้นของไขมันใต้ผิว ช่วยสลายไขมันที่สะสม ไขมันส่วนเกินบนใบหน้า ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ทำให้ผิวยกกระชับขึ้น


Ulthera : ตัวนี้จะเป็นเทคโนโลยี่ที่ใช้เครื่องเลเซอร์ที่มีชื่อว่า Ulterra เพื่อส่งผ่านพลังงานคลื่นเสียงที่มีความถี่สูง เข้าไปยังบริเวณเนื้อเยื่อชั้น SMAS (Superfical Muscular Aponeurotic System) และเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน กระตุ้นที่เซลล์ไฟโบรลาต์ของชั้น SMAS ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนใหม่ จะเห็นผลภายใน 3 เดือน


2. การยกกระชับด้วยการร้อยไหม การร้อยไหมถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยในการยกกระชับใบหน้า ริ้วรอย และทำให้หน้าดูกระชับขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด

ชนิดของไหมที่นิยมนำมาร้อย จะมีด้วยกัน 3 ชนิดด้วยกัน

  1. ไหมเกลียว (Screw Threads) ไหมชนิดนี้เป็นไหมละลายที่มีความแข็งแรง มีลักษณะเป็นม้วนๆคล้ายสปริง อาจจะเป็นเส้นเดียว หรือสองเส้นพันกันเป็นเกลียว ตัวเกลียวจะช่วยเพิ่มปริมาตรบริเวณผิวหนังที่ยุบเป็นแอ่งได้ดี

  2. ไหมกรวย (Silhouette Soft) เป็นไหมละลายรูปแบบใหม่ ลักษณะของไหมชนิดนี้จะมีปมกลมๆ ตามแนวเส้นไหม และมีพลาสติดทรงกรวยเล็กๆอยู่ระหว่างปมของเส้นไหม จะทำให้จับเนื้อเยื่อได้มากขึ้น โดยไม่มีผลไปทำลายเนื้อเยื่อภายในให้บาดเจ็บมาก แต่ไหมชนิดนี้จะช่วยในการยกกระชับผิวมากกว่าการสร้างคอลลาเจน สามารถยกกระชับผิวได้ดีกว่าไหมชนิดอื่นๆ และไม่ทำให้เกิดการละคายเคือง ซึ่งเค้าถูกออกแบบมาให้ได้ผลลัพธ์ที่ยาวนานมาก่งขึ้น คงอยู่ได้ 1-3 ปี แต่หลังทำจะมีอาการบวม และบวดบ้าง อาการจะค่อยดีขึ้นภายมใน 2-3 วัน และอีกอย่างคือ ไหมชนิดนี้มีราคาค่อนข้างสูง

  3. ไหมกุหลาบ (Barbed Threads) ไหมชนิดนี้เป็นไหมละลายที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ลักษณะจะคล้ายๆก้านของกุหลาบ มีหนามเล็กๆ ช่วยดึงผิวให้ยกขึ้นได้ดี

วิธีการร้อยไหมเหมาะกับคนที่มีผิวหน้าที่หย่อยคล้อยไม่มาก อยู่ในระดับเริ่มต้นถึงปานกลาง ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อยมากๆ


3. การยกกระชับด้วยวิธีการผ่าตัดดึงหน้า

การผ่าตัดดึงหน้ามีด้วยกัน 2 วิธี

  1. การผ่าตัดดึงหน้าด้วยวิธี Mini Facelift

หรือเรียกว่าการผ่าตัดดึงหน้าแบบสั้น แผลผ่าตัดจะมีลักษณะที่สั้นกว่า Full facelift เหมาะกับคนที่ผิวหย่อนคล้อยไม่มาก สามารถช่วยเรื่องความหย่อนคล้อยเล็กน้อยได้ ข้อดีคือ แผลเล็ก ไม่ต้องใส่สายเดรนเลือด และใช้เวลาในการพักฟื้นน้อยกว่า

     2.การผ่าตัดดึงหน้าแบบ Full Facelift

คือการดึงหน้าแบบทั้งหน้า สมบูรณ์แบบที่สุด เป็นการดึงตั้งแต่ใต้ตามาจนถึงด้านล่าง มักทำร่วมกับการดึงคอไปด้วยเลย ผลลัพธ์ที่ได้คือใบหน้ากระชับ แก้ม กรอบหน้า คอ รอยกรีดแผลจะอยู่ด้านหน้าใบหูค่ะและหลังหู คุณหมอจะทำการผ่าตัดดึงหน้าอย่างระมัดระวัง คือจะแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือการยกกระชับชั้น SMAS และกำจัดไขมันส่วนเกิน สุดท้านกำจัดผิวหนังส่วนเกินในปริมาณที่เหมาะสม


สำหรับใครมีปัญหาหย่อนคล้อย ระดับไหน ก็แก้ไขตามอาการที่เราเป็นกันได้เลย หรือยังสงสัย อยากสอบถามข้อมูลมาคุยกันได้เลยนะค่ะ 

  1. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมเกาหลีได้ที่ LINE Official: https://line.me/ti/p/dcIDBbqT8T

  2. เยี่ยมชมโปรไฟล์ผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาศัลยกรรมเกาหลีได้ที่นี่: https://oppame.co.th/ryn-plastic-surgery/consultant/ryn-plastic-surgery/

Comments


bottom of page